ประกาศเทศบาลตำบลบางปลา
เรื่อง ประชาสัมพันธ์หลักเกณฑ์การสรรหาและคัดสรรบุคลากร
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
การประกาศสรรหาและคัดเลือกบุคลากรของเทศบาลตำบลบางปลา เป็นอำนาจของนายกเทศมนตรีตำบลบางปลา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ ประกอบมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหาร งานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ และประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดสมุทรสาคร เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับพนักงานจ้าง ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับปัจจุบัน
ข้อ ๑ ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขนี้
“พนักงานจ้าง” หมายความว่า ลูกจ้างของเทศบาล ตามพระราชบัญญัติ
ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเป็นบุคคลซึ่งไต้รับการจ้างตามสัญญาจ้าง ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขนี้ โดยได้รับค่าตอบแทนจากบประมาณของเทศบาล เพื่อปฏิบัติงานให้กับเทศบาลนั้น
“สัญญาจ้าง” หมายความว่า สัญญาจ้างพนักงานจ้างตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไซนี้
“พนักงานจ้างตามภารกิจ” หมายความถึง พนักงานจ้างที่มีลักษณะงานเป็นการส่งเสริมหรือ
สนับสนุนการทำงานของพนักงานเทศบาล หรืองานที่ใช้ทักษะเฉพาะบุคคล
“พนักงานจ้างผู้เชี่ยวชาญพิเศษ”หมายความถึง พนักงานจ้างที่มีลักษณะงานเป็นที่ปรึกษาโดย
เป็นผู้ที่มีความเชียวชาญเป็นพิเศษ หรือความชำนาญพิเศษ หรือวิชาชีพเฉพาะพิเศษเฉพาะต้านอันเป็นที่ยอมรับในวงการวิชาการหรือในงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของเทศบาลด้านนั้น ๆ
“พนักงานจ้างทั่วไป” หมายความว่า พนักงานจ้างที่มีลักษณะงานเป็นการใช้แรงงานทั่วไปซึ่งไม่
ต้องใช้ความรู้หรือทักษะเฉพาะค้นในการปฏิบัติงาน และมีระยะเวลาการจ้างในช่วงสั้น ๆ ไม่เกิน ๑ ปี
“ค่าตอบแทน” หมายความว่าเงินเดือนซึ่งจ่ายให้แก่พนักงานจ้างในการปฏิบัติงานให้แก่
เทศบาล ตามอัตราที่กำหนดในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขนี้
“ค่าตอบแทนพิเศษ” หมายความว่า เงินที่จ่ายเพิ่มให้กับพนักงานจ้าง เมื่อมีผลการประเมินการ
ปฏิบัติงาน คุณภาพงาน และปริมาณงานในระดับดีเด่น
“การสรรหา” หมายความว่า การประกาศรับสมัครบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และ
คุณสมบัติอื่น ๆที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานในตำแหน่งของเทศบาล กำหนดจำนวนหนึ่ง เพื่อทำการเลือกสรร
“การเลือกสรร” หมายความว่า การพิจารณาบุคคลที่ได้ทำการสรรหาทั้งหมด และทำการ
คัดเลือกเพื่อให้ได้บุคคลที่เหมาะสมที่สุด
ข้อ ๒ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ คำสั่ง มติคณะรัฐมนตรีตามมาตรฐาน
ทั่วไป หลักเกณฑ์หรือมติคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลที่กำหนดให้พนักงานเทศบาลหรือลูกจ้างของเทศบาล มีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหรือเป็นข้อห้ามในเรืองใดให้ถือว่า พนักงานจ้างมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหรือต้องห้ามเช่นเดียวกับพนักงานเทศบาลหรือลูกจ้างเทศบาลด้วย
ทั้งนี้ เว้นแต่เรื่องได้กำหนดไว้แล้วโดยเฉพาะในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขนี้หรือตามเงื่อนไขของสัญญาจ้างหรือเป็นกรณีคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล ประกาศกำหนดให้หนักงานจ้างประเภทใดหรือตำแหน่งในลักษณะงานใดได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับพนักงานเทศบาล หรือลูกจ้างของเทศบาลในบางเรื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการปฏิบัติงานของพนักงานจ้าง
หมวด ๑
พนักงานจ้าง
ข้อ ๓ พนักงานจ้างมีสามประเภท ดังต่อไปนี้
(๑) หนักงานจ้างตามภารกิจ
(๒) หนักงานจ้างผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
(๓) พนักงานจ้างทั่วไป
ตำแหน่งพนักงานจ้างลักษณะงานใดจะมีชื่อตามลักษณะงานนั้น กรณีที่มีลักษณะงานสนับสนุนหรือส่งเสริมการทำงานของพนักงานเทศบาลตำแหน่งใด จะมีชื่อผู้ช่วยพนักงานเทศบาลในตำแหน่งงานนั้น
(๔) ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติทั่วไป และไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามข้อ ๔ แห่งประกาศ
คณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดสมุทรสาคร เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับพนักงานจ้าง ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
(๑) มีสัญชาติไทย
(๒) มีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปี บริบูรณ์และไม่เกิน ๖๐ ปี
(๓) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
(๔) ไม่เป็นผู้มีกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไร้ความสามารถหรือ จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามที่กำหนดไว้ในประกาศกำหนดโรคที่เป็นลักษณะต้องห้ามเบื้องต้นสำหรับพนักงานเทศบาล คือ
(๔.๑) โรคเรื้อนในระยะติดต่อหรือในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่น่ารังเกียจแก่สังคม
(๔.๒) วัณโรคในระยะอันตราย
(๔.๓) โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่น่ารังเกียจแก่สังคม
(๔.๔) โรคติดยาเสพติดให้โทษ
(๔.๕) โรคพิษสุราเรื้อรัง
(๕) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรรมการพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่
ในพรรคการเมือง
(๖) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น คณะผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น
(๗) ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เพราะกระทำ
ความผิดทางอาญา เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(๘) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ รัฐวิสาหกิจ
หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
(๙) ไม่เป็นข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานอื่น
ของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือพนักงานหรือลูกจ้างของราชการส่วนท้องถิ่น
กรณีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๒.๑ (๕) (๖) และ (๙) ให้ผู้มีสิทธิสมัครสอบได้ แต่จะมีสิทธิได้รับ
การจ้างเป็นพนักงาน ต่อเมื่อพ้นจากการเป็นผู้ดำรงตำแหน่งตามข้อ ๒.๑ (๕) (๖) และ (๙) แล้ว
สำหรับพระภิกษุสามเณร ไม่สามารถสมัครสอบเพื่อดำเนินการสรรหาและเลือกสรรบรรจุ
แต่งตั้งเป็นพนักงานจ้างได้ ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ.ที่ นร ๐๙๐๔/ว ๙ ลงวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
ในการสรรหา และการเลือกสรรบุคคลเป็นไปตาม ประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดสมุทรสาคร เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับพนักงานจ้าง ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับปัจจุบันดังนี้
หมวด ๔
การสรรหา และการเลือกสรร
ข้อ ๑๘ ให้เทศบาลดำเนินการสรหา และเลือกสรรบุคคลเพื่อเป็นพนักงาน
โดยยึดหลักสมรรถนะ ความเท่าเทียมในโอกาส และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญด้วยกระบวนการที่ได้มาตรฐานยุติธรรม และโปร่งใส เพื่อรองรับการตรวจสอบตามแนวทาการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
ข้อ ๑๙ การสรรหาและเลือกสรรพนักงานจ้างตามภารกิจ และพนักงานจ้างทั่วไปเมื่อ
คณะกรรมการพนักงานเทศบาลเห็นชอบให้กำหนดตำแหน่งใดแล้ว ให้ดำเนินตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังนี้
ให้เทศบาลจัดทำประกาศรับสมัคร ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทของ
พนักงานจ้าง ลักษณะงาน ชื่อตำแหน่ง ความรับผิดซองของตำแหน่ง ระยะเวลาการจ้าง ค่าตอบแหนที่จะได้รับ คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัคร หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาและเลือกสรรหา เกณฑ์การตัดสินและเงื่อนไขการจ้างอื่น ๆ ตลอดจนกำหนดวันและเวลาของกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกาศให้ผู้มีสิทธิสมัครทราบ
ประกาศรับสมัครนั้น ให้ปิดไว้ในที่เปิดเผยเป็นการทั่วไป มีระยะลาไม่น้อยกว่า ๕ วันทำการก่อนกำหนดวัน รับสมัคร
เทศบาลอาจกำหนดให้ผู้สมัครเสียค่าธรรมเนียมการสมัคร ตำแหน่งละ ไม่เกิน ๑๐๐ บาท
ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
เทศบาลอาจกำหนดระยะเวลาในการรับสมัครได้ตามความเหมาะสม แต่ทั้งนี้ต้องไม่
น้อยกว่า ๗ วันทำการ
หลักเกณฑ์การเลือกสรรหาบุคคลเพื่อปฏิบัติงานให้ยึดหลัก “สมรรถนะ” ที่จำเป็นต้องใช้
สำหรับการปฏิบัติงานในตำแหน่งตามที่เทศบาลกำหนด ซึ่งประกอบด้วย
(ก) ความรู้ของบุคคลในเรื่องต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน
(ข) ความสามารถหรือทักษะเฉพาะของบุคคลในเรื่องต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานและ
(ค) คุณลักษณะอื่น ๆ ของบุคคลที่จำเป็นหรือเหมาะสมต่อการปฏิบัติงาน
(๕ ให้กำหนดคะแนนเต็มของสมรถนะแต่ละเรื่องได้ตามความจำเป็นและความสอดคล้องกับ
ตำแหน่งงาน ทั้งนี้ สมรรถนะที่จำเป็นมากที่สุดควรมีน้ำหนักของคะแนนเต็มมากที่สุด
(๖) วิธีการประเมินสมรรถนะแต่ละเรื่อง ให้เทศบาลเป็นผู้กำหนดโดยสมรรถนะเรื่องหนึ่ง
สามารถระเมินได้ด้วยวิธีการประเมินหลายวิธีการหรือสมรรถนะหลาย ๆ เรื่องสามารถประเมินได้ด้วยวิธีการประเมินเดียวกัน ตามที่เห็นว่าเหมาะสมและสอดคล้องกับการประเมินสมรรถนะดังกล่าวได้แก่ การสอบข้อเขียน การทดสอบตัวอย่างงาน การสัมภาษณ์ การทดลองด้วยสถานการณ์จำลอง การตรวจสอบกับบุคคลอ้างอิง หรืออื่น ๆ
ทั้งนี้ ได้กำหนดแบบตัวอย่างการกำหนดและการประเมินสมรรถนะ ดังเอกสารที่แนบท้าย
หลักเกณฑ์และเงือนไขนี้
(๗) เกณฑ์การตัดสินสำหรับผู้ผ่านการประเมินสมรรถนะ ให้เทศบาลกำหนดตามความ
เหมาะสม และสอดคล้องกับตำแหน่งงาน
(๘) ภายหลังการประกาศรับสมัครแล้ว ให้นายกเทศมนตรีแต่งตั้งคณกรรมการดำเนินการ
สรรหาและเลือกสรร จำนวนไม่น้อยกว่า ๓ คน ประกอบด้วย
(ก) ปลัดเทศบาลหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธาน
(ข) ผู้อำนวยการกองหรือหัวหน้าส่วนที่ได้รับผิดชอบงาน เป็นกรรมการ
หรือโครงการของตำแหน่งที่จะสรรหาหรือสรรหา
(ค) หัวหน้าสำนักปลัดหรือผู้ที่ไต้รับมอบหมาย เป็นกรรมการ/เลขานุการในการ
เลือกสรรตำแหน่งที่นายกเทศมนตรีเห็นสมควรให้มีผู้ทรงคุณวุฒิผู้มีประสบการณ์ในงานที่เกี่ยวข้องกับ ตำแหน่งนั้น ทั้งจากภายในหรือภายนอกเทศบาลเป็นคณะกรรมการ
ให้นายกเทศมนตรีแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องตำแหน่งนั้นเป็นกรรมการด้วย คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการสรรหารและเลือกสรรตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่กำหนด ในประกาศรับสมัคร ภายใต้หลักเกณฑ์ตามข้อ ๑๘
ข้อ ๒๐ เมื่อคณะกรรมการได้ดำเนินการสรรหาและเลือกสรรพนักงานจ้างเสร็จสิ้นแล้วให้
รายงานผลการดำเนินงานต่อนายกเทศมนตรี เพื่อประกาศบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกและดำเนินการจัดจ้าง โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการพนักงานเทศบาลต่อไป
ให้เทศบาลประกาศบัญชีรายขื่อผู้ผ่านการเลือกสรร โดยกำหนดให้บัญชีอายุตามที่เห็นสมควร แต่ทั้งนี้ต้อง ไม่เกินกว่า ๑ ปี
ในกรณีที่มีผู้ผ่านการเลือกสรรมากกว่าจำนวนอัตราว่าง และภายหลังมีอัตราว่างในงานลักษณะ
เดียวกันหรือคล้ายคลึงกัน ซึ่งเทศบาลพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถใช้บุคคลที่มีสมรรถนะในเรื่องเดียวกันได้ นายกเทศมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการพนักงานเทศบาล ก็อาจพิจารณาจัดจ้างผู้ผ่านการเลือกจากบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการเลือกสรรที่ยังไม่หมดอายุก็ได้
ข้อ ๒๑ การสรรหาและเลือกสรรพนักงานจ้างผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เมื่อคณะกรรมการเทศบาล
และคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาลเห็นชอบให้กำหนดตำแหน่งใดแล้ว ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังนี้
ให้นายกเทศมนตรีและผู้รับผิดชอบงานหรือโครงการของตำแหน่งที่จะสรร
หาหรือเลือกสรร กำหนดขอบข่ายงานของตำแหน่ง ชื่อตำแหน่ง คุณสมบัติของตำแหน่ง ระยะเวลาการจ้างค่าตอบแทนที่จะได้รับ และเงื่อนไขการจ้างอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่เห็นสมควร โดยให้จัดทำเป็นประกาศรับสมัครปิดไว้ในที่เปิดเผยเป็นการทั่วไป มีระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๕ วันทำการ ก่อนกำหนดวันรับสมัคร
เทศบาลอาจกำหนดให้ผู้สมัครเสียค่าธรรมเนียมการสมัครตำแหน่งละไม่เกิน ๒๐๐ บาทได้
ระยะเวลาในการรับสมัครและหลักเกณฑ์การเลือกสรร ให้นำข้อ ๑๙ (๓), (๔). (๕), (๖)
และ (๗) มาใช้โดยอนุโลม
ภายหลังประกาศรับสมัครแล้ว ให้นายกเทศมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการ
ดำเนินการสรรหาและเลือกสรร จำนวนไม่น้อยกว่า ๕ คน ประกอบด้วย
นายกเทศมนตรีหรือรองนายกเทศมนตรีที่นายกเทศมนตรีมอบหมาย เป็นประธาน
ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในต้นที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่จะสรรหาและ
เลือกสรร จำนวนอย่างน้อยสองคน เป็นกรรมการ
ผู้อำนวยการกองหรือผู้อำนวยการที่รับผิดชอบงานหรือโครงการของตำแหน่งที่จะ
สรรหาและเลือกสรร เป็นกรรมการ
ปลัดเทศบาล เป็นกรรมการและเลขานุการ
คณะกรรการ มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการสรรหาและเลือกสรรตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในประกาศรับสมัคร ภายให้หลักการตามข้อ ๑๘
ข้อ ๒๒ เมื่อเทศบาลได้ชื่อผู้ผ่านการเลือกสรรพนักงานจ้างผู้เชี่ยวชาญพิเศษแล้ว ให้
นายกเทศมนตรีดำเนินการจ้างโดยขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการพนักงานเทศบาล ให้เทศบาลประกาศบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการเลือกสรร โดยกำหนดให้บัญชีมีอายุตามที่เห็นสมควร แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิน ๖๐ วัน
ข้อ ๒๓ ผู้ได้รับการสรรหาและเลือกสรรให้เป็นพนักงานจ้างจะต้องทำสัญญาจ้างตามแบบที่
กำหนดแนบท้ายมาตรฐานทั่วไปนี้
